กำจัดขยะเศษอาหาร ลดโลกร้อนกันเถอะ 

หลายคนรู้ สาเหตุที่โลกร้อนขึ้นทุกวัน นั่นเป็นเพราะก๊าซเรือนกระจก และรู้ว่า สาเหตุหลักๆของการเกิดก๊าซเรือนกระจก ก็มาจากมนุษย์เรานี่เอง แล้วรู้หรือไม่? หนึ่งในสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก ก็มาจากอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวัน! 

ทำไมอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกมื้อ จึงส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน? 

ขยะทั้งหมดที่เกิดจากมนุษย์นั้น ขยะเศษอาหารคือ 1 ใน 3 ของขยะทั้งหมด ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เพราะเศษอาหารที่เราทานเหลือและทิ้งในแต่ละมื้อ รวมไปถึงอาหารเหลือทิ้งที่ยังทานได้  และขยะอาหารที่หมดอายุ ซึ่งอาหารเหล่านี้เอง ที่ส่งผลต่อปรากฏการณ์ก๊าซเรือนกระจก หรือ Greenhouse Effect ทำให้โลกเราร้อนขึ้น และมีสภาพอากาศแปรปรวน อย่างที่ไม่ควรจะเป็น 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจก 

หลายคนอาจเข้าใจว่าก๊าซเรือนกระจกไม่ดี แต่รู้ไหมว่า หากไม่มีเรือนกระจกคอยทำหน้าที่นี้ไว้ สภาพภูมิอากาศอาจมีความแปรปรวน หรือมีอากาศที่หนาวเกินไป และอาจร้อนเกินไป จนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่ได้ในโลกใบนี้ นั่นเป็นเพราะว่า ก๊าซเรือนกระจก คือ ชั้นบรรยากาศที่ปกคลุมโลก ทำหน้าที่คอยดูดซับรังสีคลื่นสั้นของอินฟราเรดลงมายังผิวโลก และสะท้อนรังสีคลื่นยาวกลับออกไปนอกชั้นบรรยากาศ เพื่อรักษาอุณหภูมิของโลกให้มีความสมดุล และเหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก 

แต่… ที่เราได้ยิน โลกร้อนเพราะก๊าซเรือนกระจกๆๆ เพราะก๊าซบางชนิดมีการสะสมในชั้นบรรยากาศมากเกินไป ทำให้เสียสมดุล ซึ่งก๊าซต่างๆเหล่านั้น ส่วนใหญ่เกิดมาจากกิจกรรมของมนุษย์ ทั้งการทำอุตสาหกรรม การทำเกษตรกรรม ฟาร์มปศุสัตว์ การเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การเผาและทิ้งขยะ ตลอดไปถึง “ขยะเศษอาหาร” จากทุกชุมชน และครัวเรือน 

มีการจัดแยกขยะออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะเปียก และขยะอันตราย ซึ่งเศษอาหารต่างๆ จัดว่าเป็นขยะเปียก หรือขยะสด ที่สามารถย่อยสลายได้ แต่ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน ถึง 6 เดือน หรืออาจมากกว่านั้น และระหว่างนั้น หากขยะเศษอาหาร ที่ถูกทิ้งรวมไปกับขยะอื่นๆ แล้วนำไปรวมกันที่บ่อทิ้งขยะ ทำให้เกิดทัศนียภาพไม่ดี ส่งกลิ่นเหม็นเน่ารบกวน เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เมื่อฝนตกก็จะถูกน้ำฝนชะล้างขยะลงสู่ดิน ทำให้น้ำใต้ดินมีการปนเปื้อน อีกทั้งกระบวนการย่อยสลายเศษอาหาร โดยแบคทีเรียต่างๆ และออกซิเจน จะเปลี่ยนขยะอินทรีย์ ให้เป็นก๊าซมีเทน และ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึงแม้ว่า รายงานจากผลการสำรวจพบว่า มีการปล่อยก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศ ในปริมาณน้อยกว่ากว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่… ก๊าซมีเทน กลับสามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า! และนั่นก็มากพอ ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ และสิ่งมีชีวิตทั่วโลก 

วิธีกำจัดขยะของต่างประเทศ

เมื่อสภาพภูมิอากาศ และระบบนิเวศน์ มีความแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายประเทศทั่วโลก หันมาใส่ใจปัญหาเศษอาหารล้นโลก หาทางแก้ไข ให้เป็น Zero Food Waste คือ การลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด หรือไม่สร้างขยะเลย ได้อย่างแท้จริง โดยการกำจัดขยะตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่ลดปริมาณการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น การใช้ซ้ำ การคัดแยกเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ อย่างการกำจัดต้นเหตุขยะเศษอาหาร ด้วยการนำกลับมาใช้อีกครั้ง เช่น นำอาหารเหลือมาปรุงเป็นอาหารจานใหม่ การบริจาคอาหารที่มีมากเกินไปให้คนยากไร้ นำขยะเศษอาหารทำปุ๋ย หรือนำไปเป็นส่วนผสมอาหารเม็ดสำหรับสัตว์ เช่น สุกร ไก่ และอื่นๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังช่วยลดปริมาณขยะ แทนการทิ้งไปให้ย่อยสลายเอง จนก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

แนวทางแก้ไขสำหรับการกำจัดขยะเศษอาหารในหลายๆประเทศ มีหลากหลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบ และวิถีชีวิตของประชากรในประเทศนั้นๆ อย่างประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีระบบรีไซเคิลขยะเศษอาหารได้ดีที่สุดในโลก โดยมีมาตรการจากรัฐบาล ห้ามทุกครัวเรือนส่งขยะอาหารไปยังบ่อทิ้งขยะ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2548 การบังคับให้ใช้ถุงชนิดย่อยสลายได้ ทุกครัวเรือนที่มีสมาชิกเฉลี่ย 4 คน ต้องจ่ายเงินค่าถุงจำนวน 6 ดอลล่าร์ / เดือน

เพื่อผลักดันให้แต่ละครัวเรือน นำขยะเศษอาหารไปทำปุ๋ยหมัก นอกจากนี้ เกาหลีใต้ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ เป็นนวัตกรรมสำหรับการผลิตถังขยะอัจริยะ เพื่อแก้ไขปัญหา ให้เป็นระบบจัดการ Food Waste ตอบรับและสอดคล้องกับมาตรการ จึงได้ติดตั้งถังขยะระบบอัตโนมัติ จำนวนกว่า 6,000 เครื่อง ทั่วกรุงโซล โดยถังขยะอัจริยะ จะมีเครื่องชั่งน้ำหนักเศษอาหาร และจะทำการเรียกเก็บเงิน โดยคำนวนจากขยะอาหารที่รีไซเคิล (pay-as-you-recycle) ด้วยระบบการบันทึก RFID จากนั้นส่งใบแจ้งหนี้ไปที่บ้าน จากข้อมูลบัตรประชาชน ของผู้อาศัยในชุมชน 

และผลจากมาตรการ รีไซเคิล Food Waste ส่งผลให้ขยะเศษอาหารในเมืองโซลลดลงไปถึง 400 ตัน / วัน หรือ 47,000 ตัน ในระยะเวลา 6 ปี เลยทีเดียว และยังช่วยให้สามารถแยกขยะพลาสติกอื่นๆ ส่งไปยังโรงงานเพื่อแปรรูป ให้นำกลับมาใช้ได้ใหม่ ทั้งในรูปแบบของพลังงาน อย่างน้ำมันไบโอ หรือ ก๊าซชีวภาพ และประโยชน์ด้านอื่นๆ จากนั้นได้มีการต่อยอดโครงการ ให้ประชาชนลดน้ำหนักขยะที่จะทิ้ง ด้วยการลดความชื้นของขยะลง เพราะปกติขยะอาหารส่วนใหญ่ จะมีน้ำเป็นส่วนผสมถึง 80% ทำให้มีการคิดค้น เครื่องกำจัดขยะเปียก โดยขจัดความชื้นออกจากขยะสด และพัฒนาจนเป็นเครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร ช่วยให้คนในเมืองโซลจ่ายเงินค่ารีไซเคิลลดลง และยังทำให้ภาครัฐฯ ประหยัดงบประมาณถึง 8.4 ล้านดอลลาร์ ในการจ่ายเพื่อกำจัดขยะในช่วงเวลา 6 ปี นั้น เช่นกัน 

เมื่อเอ่ยถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะอาหาร ไม่เพียงแต่ประเทศเกาหลีเท่านั้น อย่างประเทศใต้หวัน ที่กถูกจัดให้เป็นประเทศแห่งการรีไซเคิล ในอันดับต้นๆเช่นกันนั้น มีมาตรการสำหรับนำเศษอาหารกลับมาใช้ ให้เกิดประโยชน์ โดยนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ การทำปุ๋ยจากเศษอาหาร และในรูปแบบอื่นๆ โดยการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารในใต้หวัน จะมีทั้งแบบระบบปิด และระบบเปิด โดยกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่ต้นที่เริ่มจาก การรวบรวมขยะอาหาร ตลอดไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ในการผลิตปุ๋ย จะถูกดำเนินการ และบริหารจัดการ โดยรัฐบาลและเทศบาลท้องถิ่นของใต้หวัน 

โดยทุกขั้นตอนจะใช้เครื่องทำลายขยะด้วยเครื่องจักร ที่นำเข้าจากอิตาลี และผลจากการใช้เครื่องจัดการขยะ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการจ้างแรงงานคน (แม้ว่าจะต้องลงทุนสูงจากการสั่งสินค้านำเข้าในตอนแรก) แต่ยังช่วยลดปริมาณขยะเศษอาหารได้จำนวนหลายล้านตัน และนั่นจะส่งผลต่อปริมาณก๊าซมีเทนที่ลดลงจำนวนมหาศาลเช่นกัน เนื่องจากใต้หวันมีประชากรหนาแน่นถึง 23.57 ล้านคนด้วยกัน 

สำหรับประเทศไทย เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งได้ระบุว่า ประเทศไทยมีขยะอาหาร คิดเป็นร้อยละ 64 ของขยะทั้งหมด หรือคิดเป็นเฉลี่ยคนละ 254 กิโลกรัม / ปี ในขณะที่ประชากรไทยมีจำนวนกว่า 60 ล้านคน หากรวมขยะอาหารจากคนไทยทั้งหมด ก็จะเป็นปริมาณมหาศาล แต่กลับมีการนำขยะอาหารมาใช้ประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากไม่มีระบบการแยกขยะที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตั้งแต่ขยะสดจากครัวเรือน ไปจนถึงระบบเทศบาล แม้ว่าในปัจจุบัน จะเริ่มมีคนให้ความสนใจ และหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นกลุ่มคนจำนวนน้อย รวมไปถึงการขาดมาตรการรองรับ และเอื้ออำนวยให้ภาคประชาชน ในระบบและรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในแต่ละพื้นที่ และสามารถดำเนินการได้จริง 

เรามักจะได้ยินมาตรการ การแปรรูปขยะเศษอาหารให้เป็นปุ๋ย ที่ถึงแม้ผลที่ได้รับมันจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย แต่สำหรับการลงมือทำจริงๆนั้น มันก็ใช่ว่าจะง่ายและทำได้เหมือนกันทุกที่ เนื่องจากต้องใช้พื้นที่พอสมควร สำหรับการแปรรูปขยะสดเป็นปุ๋ย หรือการหมักปุ๋ยจากเศษอาหาร อีกทั้งยังต้องทำในบริเวรที่เป็นสัดส่วน และมิดชิด อีกทั้งยังต้องห่างไกลจากที่คนอาศัย เพื่อไม่ให้ถูกรบกวน จากกลิ่นเหม็นเน่า และเหล่าแมลงต่างๆ ที่มาตามกลิ่นของเศษอาหาร ซึ่งอาจทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค และแน่นอนว่า กระบวนการย่อยสลายเศษอาหารตามธรรมชาติ จะเกิดก๊าซมีเทนขึ้น จึงจำเป็นต้องขุดหลุมให้ลึกมากพอสมควร สำหรับการหมักปุ๋ย และเพื่อป้องกันสัตว์ต่างๆ ไปทำการขุดคุ้ยจนเลอะเทอะ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว รูปแบบที่อยู่อาศัยของคนยุคปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถทำได้เช่นนั้น 

จากข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ไม่เพียงพอ เพราะประชากรส่วนใหญ่ พักอาศัยในหมู่บ้าน อยู่ในแหล่งชุมชน หรืออยู่ในรูปแบบของตึก เช่น คอนโด อพาร์ทเม้นท์ อาคารพาณิชย์ เป็นต้น อีกทั้งวิถีชีวิตของคนเมือง ที่ต้องรีบเร่งการทำงาน ทำให้ไม่เหมาะกับการทำปุ๋ยหมักในรูปแบบเดิมๆ แต่เมื่อมีการนำเข้า เครื่องทำลายเศษอาหาร ซึ่งเป็นนวัตกรรม ที่จะช่วยลดปริมาณขยะอาหารจากครัวเรือน ได้อย่างแท้จริง เพราะสามารถทำได้แม้จะเป็นมนุษย์ห้องเช่า! 

มารู้จักเครื่องกำจัดขยะกันเถอะ

เครื่องกำจัดเศษอาหารเป็นปุ๋ยที่ว่านี้ เป็นอุปกรณ์กำจัดขยะสด และเปลี่ยนให้เป็นปุ๋ยหมักพร้อมใช้งาน ที่มีคุณค่าทางอาหารสำหรับดินและพืชครบถ้วน โดยไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น สัตว์ และแมลงรบกวน ที่สำคัญคือ ปุ๋ยที่ได้ เป็นปุ๋ยอินทรีย์ บำรุงให้พืชผักเจริญเติบโต และให้ผลผลิตงดงาม โดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีอีกต่อไป เราก็จะมีผักออแกนิค อาหารไร้สารเคมีเจือปน ดีต่อสุขภาพ และแน่นอน แม้แต่มนุษย์ตึก ก็สามารถมีผักออแกนิคไว้ทาน ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ จากขยะเศษอาหาร ที่เราทานเหลือในแต่ละวัน ยิ่งใครที่เป็นสายรักษ์โลก หรือมีงานอดิเรกในการปลูกผัก เพาะต้นไม้ น่าจะถูกใจกับสิ่งนี้ เพราะนอกจากจะได้ลดขยะแล้ว ยังลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปุ๋ย … อืมม เลิศ! 

Smart agriculture IoT with hand planting tree background

และด้วยขนาดที่เล็ก มีน้ำหนักเพียง 18 กิโลกรัม เท่านั้น ทำให้สามารถติดตั้งเครื่องจัดการขยะสด ได้ในทุกพื้นที่ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นในห้องครัว ห้องซักล้าง หรือแม้จะเป็นห้องคอนโดเล็กๆก็ตาม การใช้งานเครื่องกำจัดเศษอาหารก็แสนจะง่าย และสะดวกมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย หรือสมาชิกตัวน้อยในบ้าน ก็ทำได้ เพียงแค่กดปุ่ม เจ้าเครื่องกำจัดเศษอาหาร ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติ ลืมไปได้เลย กับความยุ่งยาก และขั้นตอนที่วุ่นวาย ไม่ต้องคอยดู คอยเติม หรือคอยพลิกกอง ระบบของเครื่องจะดำเนินการด้วยตัวมันเอง หลังจากถูกกดปุ่ม Start ตั้งแต่ต้นจนจบ และเมื่อผ่านไปเพียง 24 ชั่วโมง ก็จะได้ปุ๋ยออแกนิค 100% ที่มีค่า NPK ตามที่พืชต้องการ และสามารถตักไปใช้ได้เลยทันที! 

เศษอาหารที่เททิ้งลงไปในเครื่อง จะถูกย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ ที่ถูกเติมลงไปในเครื่อง ก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก จากนั้นมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ทำการย่อยสลายเศษอาหาร เป็นการลดสารอินทรีย์ ด้วยจุลินทรีย์ และสร้างจุลินทรีย์ เพื่อมากำจัดสารอินทรีย์ หมุนเวียนไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องคอยเติมเชื้อจุลินทรีย์บ่อยๆ เป็นการกำจัดวัตถุอินทรีย์อย่างแท้จริง

และเนื่องจากเครื่องกำจัดขยะ เป็นระบบ Aerobic Composting ที่มีหลักการทำงานของจุลินทรีย์ โดยใช้ออกซิเจน สำหรับการย่อยเศษอาหาร ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ด้วยเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ไม่ก่อให้เกิดก๊าซมีเทน และปุ๋ยที่ได้ แม้ว่าจะเป็นปุ๋ยหมัก ที่มาจากขยะเศษอาหาร แต่กลับมีความละเอียด สะอาด เหมือนดินปุ๋ยทั่วไป ไร้เชื้อโรค สามารถจับได้ด้วยมือเปล่า และกลิ่นจะเหมือนกับปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยน้ำทั่วไป ซึ่งระดับของกลิ่น ก็จะขึ้นอยู่กับ ความชื้นของเนื้อดินปุ๋ย แต่เครื่องนี้ มีฟังก์ชั่นให้เลือก จะปรับระดับความชื้นเท่าไร กลิ่นแค่ไหน ก็เลือกกดกันไป เหมือนกับเลือกระดับการใช้เครื่องซักผ้า  

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เครื่องนี้ใช้งานง่ายมากๆ เขาออกแบบและผลิตออกมา โดยเลียนแบบการทำงานของกระเพาะคนเรานี่แหล่ะ ใส่อาหารลงไปเมื่อไร กระบวนการย่อยก็เริ่มทำงานตามหน้าที่ของมัน และอะไรที่มนุษย์ทานไม่ได้ เช่น กระดูก เปลือกหอย เปลือกผลไม้แข็งๆ เครื่องก็ย่อยไม่ได้เช่นกัน ซึ่งบนตัวเครื่องจะมีคู่มือบอกการใช้งาน ข้อห้าม และประเภทวัสดุกำกับไว้อยู่แล้ว แต่ที่ต่างออกไปคือ จะต้องทำการแยกน้ำออกไปต่างหาก ทิ้งลงไปได้แต่กากอาหาร เพื่อประสิทธิการทำงานของเครื่อง และความชื้น รวมถึงกลิ่นของปุ๋ยที่ได้ จะขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ปนไปกับเศษอาหาร ที่เททิ้งลงไปในเครื่องเช่นกัน สรุปสั้นๆ คือ แยกน้ำ ทิ้งกากลงเครื่อง กดปุ่มสตาร์ท

ข้อดีจากการใช้เครื่องกำจัดเศษอาหารให้เป็นปุ๋ย

  • ลดปริมาณขยะที่จะนำไปทิ้งยังหลุมฝังกลบ
  • ลดการใช้ถุงขยะ ลดค่าใช้จ่าย
  • ไร้กลิ่นเหม็นเน่าของเศษอาหารรบกวน
  • ไร้แมลง มด หนู กวนใจ เพราะไร้เศษอาหาร
  • ประหยัดงบประมาณการกำจัดขยะ และนำไปพัฒนาประเทศด้านอื่นๆ 
  • ได้ปุ๋ยออแกนิก ที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อพืช ฟรี!
  • ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมี ผักปลอดสาร 
  • หากใช้กันทุกบ้าน เราจะมีการเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน
  • สุขภาพดี เพราะได้ทานผักออแกนิก
  • ลดการปล่อยก๊าซมีเทน สภาวะเรือนกระจก
  • ระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตดีขึ้น

เครื่องกำจัดขยะเศษอาหารแบบนี้ ได้รับความนิยม และมีการใช้แพร่หลายกันมากขึ้นในหลายๆประเทศ เนื่องจากใช้งานง่าย ระบบการทำงานไม่ยุ่งยาก ลดภาระค่าใช้จ่ายการกำจัดขยะ ทั้งในระบบครอบครัว และงบประมาณของประเทศ และมันยังตอบโจทย์ ปัญหาการกำจัดขยะต้นทางสู่ปลายทาง ที่สำคัญ คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัญหาโลกร้อน ที่ต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ 

ประเทศไทยเอง ก็ได้มีการนำเครื่องกำจัดเศษอาหารให้เป็นปุ๋ยอัตโนมัติมาใช้ เพราะเล็งเห็นถึงปัญหา ขยะล้นเมือง รวมถึงภาวะโลกร้อน ซึ่งนวัตกรรมนี้ช่วยตอบโจทย์ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนไทยยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งลักษณะที่อยู่อาศัย ระบบเวลา กิจกรรม ที่จำกัดแทบทุกอย่าง แต่เมื่อมีเจ้าเครื่องนี้มาใช้งาน จะช่วยทั้ง “ลด” และ “เพิ่ม” ในเวลาเดียวกัน คือ ลดพื้นที่ (ติดตั้งเครื่อง) ลดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ถุง ลดขั้นตอน  ลดเวลา ลดขยะ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดสารเคมี ลดก๊าซมีเทน ลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน และ เพิ่มเกษตรอินทรีย์ เพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าเป็นการกำจัดขยะอาหารที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน และสามารถทำได้จริงอย่างยั่งยืน 

เพราะขยะเศษอาหาร ตัวการที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และทุกชีวิตบนโลกนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เพราะปัญหาขยะอาหารล้นโลก เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์เราทุกคน การแก้ไข ควรเริ่มจากต้นเหตุ ด้วยการปรับเปลี่ยนนิสัยการกิน เริ่มจาก..

  • ควรทำการวางแผนก่อนซื้ออาหารทุกครั้ง เพื่อไม่ให้มีการซื้ออาหารซ้ำที่มีอยู่ และเหลือทิ้ง เพราะทานไม่หมด และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น  
  • คำนวนปริมาณอาหาร และซื้อให้พอดีกับสมาชิกในบ้าน
  • เก็บอาหารให้ถูกกับประเภทของอาหาร เพื่อยืดอายุ ช่วยลดการทิ้งอาหารหมดอายุก่อนเวลา 
  • เลือกทานอาหารตามลำดับที่ซื้อ ก่อน – หลัง 
  • ทำอาหารแต่พอดีในการทานแต่ละครั้ง 
  • แปรรูป เพื่อเป็นการถนอมอาหาร ไม่ให้เหลือทิ้ง 
  • แบ่งปัน หากมีอาหารในปริมาณมาก จนอาจทานไม่ทัน แบ่งปันให้ผู้อื่น หรือคนยากไร้ ดีกว่าเหลือทิ้ง เพราะทานไม่ทัน จนอาหารหมดอายุ 
  • รีไซเคิลขยะอาหาร เช่น นำอาหารเหลือทานที่ยังทานได้ ให้สัตว์เลี้ยง สัตว์จรจัด ส่วนเศษอาหารอื่นๆ ก็นำไปทำปุ๋ย ทำน้ำหมัก เป็นต้น 

หากเราทุกคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ดังนี้ เชื่อว่าปัญหามลพิษจะลดลง เพราะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดน้อยลงไป จากการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างถูกต้อง และกำจัดขยะเศษอาหารอย่างถูกวิธี ทำให้สามารถแยกขยะรีไซเคิลได้ง่ายขึ้น เช่น พลาสติก กระดาษ อลูมิเนียม เป็นต้น เมื่อมีการแยกประเภทขยะออกจากกันง่ายขึ้น ทำให้ขยะที่ต้องกำจัดทิ้ง มีปริมาณน้อยลง กระบวนการกำจัดขยะก็น้อยลง การปล่อยก๊าซต่างๆขณะกำจัดขยะลดลง ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ลดลง แต่สภาพสิ่งแวดล้อมจะดีขึ้นอย่างคาดไม่ถึง คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลก ลดโลกร้อน ด้วยการกำจัดขยะอาหารให้ถูกวิธีกันเถอะ

พบกับบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ คลิก

You May Also Like
Read More

ภาวะหัวใจล้มเหลวอันตรายไหม

มีใครเคยสงสัยบ้างไหมว่าภาวะหัวใจล้มเหลวคืออะไร อันตรายมากน้อยแค่ไหนกับผู้ป่วย วันนี้เราจะมาหาคำตอบและทำความรู้จักกับโรคอันตรายที่ทำให้เสียชีวิตโดยฉับพลันนี้กันค่ะ   หลายคนอาจเข้าใจว่า ภาวะหัวใจล้มเหลว และ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน นั้นคือโรคเดียวกัน แต่ทีจริงนั้นแตกต่างกันค่ะ โดย ภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นภาวะเรื้อรัง ในขณะที่ ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเป็นภาวะจากหลอดเลือดแดงอุดตันจนเป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงส่วนตัวต่าง ๆ ในร่างกายไม่ทั่วถึง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันที  ภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะเกิดขึ้นในระยะสุดท้ายของโรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ…
Read More
Read More

จุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทร Challenger Deep ร่องบาดาลที่ลึกกว่าไททานิคจม 

หากคุณคิดว่าจุดที่ไททานิคจมคือจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทร ขอบอกว่า ไม่ใช่ค่ะ เพราะยังมีจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรที่คุณอาจคาดไม่ถึงว่าจะมีอยู่ในโลกใบนี้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับจุดที่ลึกที่สุดในโลก ที่เมื่อเทียบกับจุดที่เรือไททานิคจม อาจทำให้คุณต้องประหลาดใจ เพราะจุดเรือไททานิคยังตื้นกว่ามากหลายเท่า! จุดที่ลึกที่สุดในโลก คือ จุดที่มีชื่อว่า Challenger Deep (แชลเลนเจอร์ ดีป) อยู่ในร่องลึก Mariana Trench…
Read More
Read More

ท้องเสีย กินเกลือแร่แบบไหน และเกลือแร่ ORS และ ORT ต่างกันอย่างไร

ท้องเสีย ทำไมต้องดื่มเกลือแร่สำหรับคนท้องเสีย ทำไมต้องเลือก เพราะขนาดในร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่มีสาขาแทบทุกซอยในเมืองไทยใช่ว่าจะมีขาย ขนาดเดินหาหลายสาขาแล้วก็เจอแต่เกลือแร่สำหรับนักกีฬา แล้วถ้าบริเวณบ้านไม่มีร้านขายยาใกล้ ๆ ล่ะ จะหาซื้อเกลือแร่แก้ท้องเสียได้ที่ไหน เชื่อว่าปัญนี้หลายคนเคยเจอ แล้วถ้าเกิดอาการท้องเสียแต่ไม่มีเกลือแร่จะทำเองได้ไหม  ท้องเสีย ทำไมต้องดื่มเกลือแร่  เกลือแร่สำหรับท้องเสีย ORS (Oral Rehydration Salt)…
Read More
Read More

วันมาฆบูชามีความสําคัญอย่างไร

“วันมาฆบูชา” วันสําคัญทางศาสนาพุทธ ที่พุทธศาสนิกชนพึงระลึกและสืบทอดงานประเพณีมาฆบูชามาเนิ่นนาน แต่อาจมีชนรุ่นหลังที่อาจยังไม่เข้าใจว่าวันมาฆบูชา สําคัญอย่างไร รวมไปถึงชาวต่างชาติที่ได้เข้ามาทำงานหรืออาศัยในประเทศไทยกันมากขึ้น ได้เห็นวัฒนธรรมแต่ไม่เข้าใจลึกซึ้ง ว่าวันมาฆบูชาทําบุญเพื่ออะไร หรือวันมาฆบูชางดขายเหล้าทำไม อย่างนี้เป็นต้น บทความนี้จะกล่าวถึงความสำคัญของวันมาฆบูชาอย่างย่อ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น  ก่อนอื่นเรามารู้กันก่อนว่า มาฆบูชา มาจากคำว่า “มาฆบูชาปูรณมี” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญกลางเดือน…
Read More
Read More

กลิ่นสาบคนแก่มีจริงไหม กลิ่นคนแก่เกิดจากอะไร และวิธีลดกลิ่นแก่ 

ใครเคยได้ยิน “กลิ่นสาบคนแก่” บ้าง?  แต่บ้านไหนที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย ย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี แต่คนที่ไม่ได้อาศัยกับผู้สูงอายุล่ะ อาจสงสัยว่ากลิ่นคนแก่เป็นยังไง กลิ่นสาบคนแก่เหมือนกับกลิ่นตัวหรือเปล่า ตามมาดูข้อมูลต่อไปนี้กันเลยดีกว่า  กลิ่นคนแก่ (Aging odor) ไม่ได้เกิดจากความสกปรก แต่เป็นกลิ่นตัวพิเศษของผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงในร่างกายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแต่ละคนจะมีกลิ่นที่แตกต่างกันไป  กลิ่นคนแก่…
Read More
สารอาหารที่ผู้สูงอายุควรได้รับมีอะไรบ้าง
Read More

สารอาหารที่ผู้สูงอายุควรได้รับมีอะไรบ้าง เรื่องน่ารู้ที่ผู้ดูแลควรใส่ใจ 

สำหรับใครที่ต้องดูแลผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน หรือสถานที่พักฟื้นผู้สูงวัย รวมถึงผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้นและต้องการดูแลสุขภาพตนเอง ไม่ควรมองข้ามด้านโภชนาการอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นอีกปัญหาที่พบได้บ่อยในวัยเกษียณ ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอาการความจำเสื่อม กระดูกบาง อารมณ์แปรปรวน กล้ามเนื้ออ่อนแรง โลหิตจาง เป็นต้น เนื่องจากระบบการทำงานของร่างกายที่เสื่อมถอยไปตามวัย หลังจากที่ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน พลังงานและสารอาหารที่ร่างกายต้องการก็ลดลง และมีความแตกต่างไปจากเดิม   จากการคำนวณพลังงานในผู้สูงอายุต้องการพลังงานในแต่ละวัน คือ…
Read More