จากเรื่องอุทาหรณ์ของหนุ่มชาวจีนในเมืองอู่ฮั่นรายหนึ่ง ซึ่งมีอายุเพียง 23 ปี มีปัญหาเรื่องการปวดฟันมาก แถมยังมีฟันผุและหักแทบทั้งปาก ทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างที่ควรจะเป็น และหลังจากทีเข้าพบหมอฟัน เขาได้ถูกสอบถามถึงพฤติกรรมอาหารการกิน และกิจวัตรประจำวัน ทำให้หมอฟันต้องตกใจและอึ้งเมื่อพบว่าเขาแทบจะไม่ดื่มน้ำเปล่าเลย แต่กลับดื่มน้ำอัดลมวันละ 3 ขวด เพื่อดับกระหายแทน!

โดยหมอพันสามารถช่วยรักษาให้ชายคนนี้ได้เพียงแค่ทำการครอบฟันเท่านั้น แต่ฟันผุที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้จะต้องถอนออกทั้งหมด แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในประเทศจีน แต่ก็มีเหตุการณ์คล้ายกันนี้กับคนไทยเช่นกัน เนื่องจากคนไทยมีพฤติกรรมชอบดื่มน้ำอัดลมมากกว่าดื่มน้ำเปล่า และมีก็ผู้ป่วยโรคในช่องปากไม่น้อยเลย ที่มีสาเหตุมาจากการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ โดยเฉพาะดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า
เนื่องจากน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก ทำให้มีรสหวาน อร่อย ดื่มง่าย ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เลือกที่จะดื่มน้ำอัดลมเพื่อดับกระหาย เพราะประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ยิ่งกระตุ้นให้ต้องการความสดชื่นเติมเข้าสู่ร่างกาย แม้ว่ารสชาติจะช่วยเติมเต็มความต้องการนั้นได้ แต่ก็เพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น แต่โทษของน้ำอัดลมกลับส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว รวมถึงปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากด้วยเช่นกัน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? นั่นเป็นเพราะว่า ในน้ำอัดลมมีกรดคาร์บอนิกค่อนข้างมาก ซึ่งทำปฏิกิริยากับแคลเซียมโดยตรง มีผลต่อกระดูกและฟัน เมื่อแคลเซียมในฟันถูกทำลาย จึงทำให้ เกิดฟันกร่อน ฟันเสีย ฟันผุ มีอาการปวดฟัน เจ็บเหงือก จนก่อให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์ และมีแนวโน้มพบคนไทยเป็นโรคในช่องปากเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก
กรดคาร์บอนิกในน้ำอัดลมจะไปขวางการดูดซึมแคลเซียมของกระดูก อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดฟันผุ ฟันเสีย แล้วยังทำให้กระดูกเปราะบาง กลายเป็นโรคกระดูกพรุน สามารถเกิดอุบัติเหตุและแตกหักได้ง่าย นอกจากนี้การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอ้วน เพราะน้ำตาลจำนวนมากในน้ำอัดลม ส่งผลต่อการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ทำให้เกิดโรคเบาหวานโดยไม่รู้ตัว
น้ำอัดลม 1 กระป๋อง หรือ น้ำอัดลมปริมาณ 325 cc มีปริมาณน้ำตาลประมาณ 7-12 ช้อนชา หรืออาจเทียบเท่ากับน้ำตาลในลูกอมประมาณ 17 เม็ดด้วยกัน และแน่นอนว่าในแต่ละวันของคนส่วนใหญ่มักจะกินอาหารหลากหลาย และมีหลายรายการที่หนีไม่พ้นมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ ทำให้เรามักจะได้รับน้ำตาลเกินมาตรฐานที่องค์อนามัยโลกได้กำหนดไว้ ร่างกายของคนเราควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 24 มิลลิกรัม / วัน หรือ 6 ช้อนชา โดยไม่รู้ตัว

จากการสำรวจของสภาวะทันตสุขภาพแห่งประเทศไทย พบว่าสาเหตุหลักของผู้ป่วยโรคในช่องปาก หรือมีปัญหาฟันผุในปัจจุบัน เกิดมาจากพฤติกรรมสะสมมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กเล็กอายุ 3 ปี ขึ้นไป ที่นิยมกินขนมขบเคี้ยว และน้ำหวานอย่างน้ำอัดลม ที่หาซื้อได้ง่าย แถมยังมีรสถูกใจสำหรับเด็ก ๆ และส่วนใหญ่มักจะละเลยการดูแลสุขภาพในช่องปาก ไม่แปรงฟัน หรือยังคงทานขนมกรุบกรอบและเครื่องดื่มหวาน ๆ หลังการแปรงฟัน ทำให้กรดคาร์บอนิกไปกัดกร่อนและทำลายแคลเซียมในฟันสะสมไปเรื่อย ๆ และกว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ต่อเมื่อเกิดอาการปวดฟัน หรือฟันผุจนแทบหมดปากเหมือนชายชาวจีนคนดังกล่าว

ดังนั้นหากไม่ต้องการจะมีปัญหาสุขภาพช่องปาก รวมไปถึงโรคอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากการดื่มน้ำอัดลม ควรงดหรือลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลมลง หากต้องการความสดชื่นในอากาศร้อน ๆ ลองเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า หรือ น้ำหวานจากธรรมชาติ หรือถ้าต้องการจะดื่มน้ำอัดลม ก็ควรลดปริมาณลง โดยไม่ควรดื่มน้ำหวานเกิน 200 cc และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลอื่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปในแต่ละวัน แปรงฟันให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และไม่ควรกินหรือดื่มของหวานหลังการแปรงฟันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้เวลาปากได้สะอาดเต็มที่สุด และเพื่อป้องกันปัญหาฟันผุในระยะยาวอีกด้วย