ที่อยู่อาศัยในปัจจุบันในหลายๆรูปแบบ มีการพัฒนาสู่การเป็นบ้านอัจฉริยะ หรือที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า Smart Home กันมากขึ้น ซึ่งบ้านอัจฉริยะที่ว่านี้ จะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับระบบต่างๆภายในบ้าน ให้บ้านเหมือนมีชีวิต ที่สามารถทำงานได้เองโดยผ่านการสั่งงานจากเจ้าของบ้าน ซึ่งอาจเพียงใช้นิ้วสัมผัส หรือเพียงแค่เอ่ยคำสั่งเป็นคำพูดเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบพลังงาน หรือระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นการใช้เทคโนโลยี Internet of Things หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า loT นั่นเอง
ด้วยระบบบ้านอัจฉริยะ หรือ Smart Home ที่ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบบ้านได้จากระยะไกล และควบคุมการทำงานอุปกรณ์ในบ้านได้ จะกลายเป็นบ้านที่ทุกคนต้องการมากขึ้น เพราะความสะดวกของระบบอัตโนมัติในบ้านที่มาพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับผู้อาศัยด้วยนวัตกรรมใน 6 รูปแบบด้วยกัน
- Home Monitoring คือ การสอดส่องตรวจตราความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยผ่านกล้องวงจรปิดที่ควบคุมสัญญาณระยะไกลได้
- Home Control คือ การควบคุมระบบการทำงานของอุปกรณ์ภายในบ้าน ด้วยการใช้สมาร์ทโฟน เช่น การหรี่แสงไฟ ปรับอุณหภูมิภายในห้องขณะอยู่ในบ้าน
- Smart Kitchen จะดีแค่ไหน หากคุณสามารถสื่อสารกับห้องครัวของคุณเองได้โดยตรง ด้วยเทคโนโลยี loT ช่วยให้การทำอาหารง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น เช่น สั่งเปิดเตาแก๊ส หรือ สั่งปิดก๊อกน้ำขณะที่คุณกำลังวุ่นวายหน้าหม้อซุป เป็นต้น
- Media Center ที่จะช่วยสตรีมภาพยนต์ ตลอดไปจนถึงความบันเทิงในทุกรูปแบบ ไปดูได้ในทุกที่ของบ้าน โดยไม่จำกัดต้องเป็นในที่ใดที่เดียว
- Appliance Control คือการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถสั่งการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าได้ เช่น การสั่งงานและควบคุมเครื่องชงกาแฟ การใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นต้น
- Landscape Control ควบคุมการเปิด – ปิด ระบบการรดน้ำต้นไม้เมื่อเราไม่อยู่บ้าน
ทำไมควรติดตั้ง Internet of Things ในบ้านหรือคอนโด?
การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆด้วยการควบคุมหรือสั่งการ ด้วยเทคโนโลยี Internet of Things นอกจากจะให้ความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งานแล้ว มีอีกหลายเหตุผลด้วยกันที่ทำไมเราถึงควรนำ loT มาติดตั้งในที่อยู่อาศัย
1. สั่งการและควบคุมการทำงานอุปกรณ์ในบ้านง่ายขึ้น
เมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านเข้าด้วยกัน และสามารถสั่งหรือควบคุมการทำงานได้ โดยที่เราไม่ต้องทำเอง เพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้เย็นที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ loT จะช่วยแจ้งเตือนหากมีของในตู้เย็นใกล้จะหมดอายุ เพื่อให้เรานำไปใช้ก่อนหมดอายุ หรือเตรียมกำจัดทิ้ง โดยที่เราไม่ต้องมาคอยคัดแยกเอง และยังช่วยให้เราไม่ต้องทิ้งของโดยไม่จำเป็น
2. ประหยัดพลังงาน
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับระบบ loT จะมีการตั้งค่าให้สามารถทำงานเองโดยอัตโนมัติ เช่น การปิดระบบหรือตัดไฟอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานในขณะนั้น ทำให้ประหยัดพลังงานที่ไม่ได้ใช้ หรือลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น
3. ประหยัดค่าใช้จ่าย
เมื่อระบบ loT สามารถปิดอุปกรณ์ หรือตัดระบบไฟที่ไม่ใช้งานได้เอง ช่วยลดการเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น เป็นการเซฟค่าไฟ ค่าน้ำ ได้เป็นอย่างดี
4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อพลังงานถูกใช้น้อยลง ย่อมหมายความว่าสิ่งแวดล้อมถูกทำลายน้อยลงไปด้วย มลพิษก็ลดลง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
5. เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
ระบบ loT จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนในบ้านและตัวบ้านมากขึ้น เพราะสามารถควบคุมระบบการดูแลบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด ระบบเซ็นเซอร์ดักจับการเคลื่อนไหว ฯลฯ ได้ตลอดเวลา ทั้งในระยะใกล้และระยะไกลแม้ว่าจะอยู่ที่อื่น และหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นก็จะมีเสียงเตือน และส่งสัญญาณไปยังมือถือที่มีการติดตั้งระบบของเจ้าของบ้าน ทำให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น
Internet of Things มีประโยชน์ในด้านใดบ้าง?
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี loT มีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ได้มีดีเพียงแค่การติดตั้งในด้านการอาศัยเท่านั้น เรามาดูประโยชน์ของ Internet of Things ในด้านอื่นๆกันบ้าง
1. ด้านการแพทย์
วิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้น ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้องขนาดเล็กที่ส่องเข้าไปในร่างกายคนไข้ ทำให้ช่วยลดการผ่าตัดลง และย่นระยะเวลาการรักษาตัวของคนไข้ได้ด้วย และถ้าหากมีการนำ Internet of Thing เข้ามาใช้ จะยิ่งช่วยให้การติดต่อระหว่างหมอและคนไข้รวดเร็วขึ้น สามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นจากบ้านได้ โดยอาจไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาโรงพยาบาล
2. ด้านต้นทุน
loT ช่วยในด้านการลดต้นทุน ยกตัวอย่างเช่น การไฟฟ้าต้องจ่ายเงินจ้างพนักงานในการทำหน้าที่เช็คและจดมิเตอร์ไฟฟ้าทุกเดือน ซึ่งนับเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง แต่ถ้านำระบบ loT มาใช้ มิเตอร์จะส่งข้อมูลไปยังระบบบันทึกข้อมูลการใช้ไฟของการไฟฟ้าเองอัตโนมัติ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างคนไปจดนั่นเอง
3. ด้านการโฆษณา
ในการการทำโฆษณาออนไลน์ หรือบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการนำแนวคิด Internet of Thing มาใช้เสริม จะยิ่งช่วยประหยัดต้นทุนเข้าไปอีก เช่น ร้านที่มีการติดตั้งระบบ loT จะแสดงภาพหรือข้อความโฆษณาทันทีที่มีคนเดินผ่านไปมา ทำให้เข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายขึ้น เพิ่มโอกาสได้ลูกค้ามากกว่าเดิมนั่นเอง
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทำความรู้จักระบบ loT หรือ Internet of Thing ได้มากขึ้น และถ้าหากใครที่สนใจรายละเอียดเจาะลึกยิ่งไปกว่านี้ ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ อ่านเพิ่มเติมได้เลย เผื่อจะได้ไอเดียนำไปใช้ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง หรือเพื่อเตรียมตัวรับมือกับนวัตกรรมใหม่ๆที่จะตามมาอีกมากมาย ในเร็วๆนี้ สวัสดีโลกอนาคต!!