Geoffrey Hinton เจ้าพ่อแห่ง AI ได้ออกมาเตือนถึงความอันตรายของปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีสุดล้ำที่เริ่มบทบาทในการถูกนำมาใช้งานร่วมกับมนุษย์ในขณะนี้ โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าอันน่าทึ่ง และสามารถพัฒนาไปได้ไกลในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งไกลเกินกว่าที่เขาและหลายคนได้คาดคิดไว้ ทำให้เขาเริ่มกังวลกับศักยภาพของ AI ในการจำกัดงานและสร้างโลก ที่เราอาจไม่สามารถรับรู้ได้อีกต่อไปว่า “อะไรคือความจริง”

Hinton หนึ่งในสมาชิกที่มีส่วนร่วมผลิตปัญญาประดิษฐ์ AI ได้ลาออกจากการ Google เพื่อที่ตนจะได้มีอิสระในการเตือนภัยอันตรายจาก AI ที่เขาได้มีส่วนพัฒนามันขึ้นมา ยังคงมีความเสี่ยงอันตรายที่จะอาจส่งผลร้ายต่อมนุษย์ในอนาคต ฮัลตันได้กล่าว่า น้อยคนนักที่จะคิดว่า AI จะฉลาดได้เทียบเท่ามนุษย์ หรือฉลาดล้ำกว่ามนุษย์ได้ในช่วงระยะ 30-50 ปีนี้ ซึ่งตนก็เคยคิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว จากการเฝ้าสังเกตการณ์ประสิทธิภาพในการพัฒนาของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ว่านี้ เพียงอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้ AI จะฉลาดเท่ามนุษย์ หรืออาจเหนือกว่ามนุษย์เสียด้วยซ้ำ ซึ่งฮิลตันยอมรับว่าเขามีความหวั่นวิตก เนื่องจากศักยภาพของ AI มีทั้งดีและร้าย และเสี่ยงเป็นภัยต่อมนุษยชาติได้

Hinton กล่าวว่า AI มีการพัฒนารวดเร็วอย่างก้าวกระโดด หลังจากที่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ภายใต้การสนับสนุนของ Microsoft ทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีทั้งหลาย ต่างก็ระดมพัฒนาเทคโนโลยีที่คล้ายกันอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็น Google , Amezon , IBM , Tencent และ Baidu ทำให้ทั้งในส่วนของปัญญาประดิษฐ์มีศักยภาพสูง ส่วนของแชตบอทและหุ่นยนต์ต่าง ๆ ที่ถูกขับเคลื่อนด้วย AI ชุดใหม่ อาจเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานของมนุษย์ได้ในอีกไม่ช้า
ซึ่งทั้งหมดนั้นจะส่งผลให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่เราไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ไม่สามารถแยกออกได้ของเรื่องจริงหรือสิ่งเสมือน มนุษย์จะตกงานจำนวนมาก ทำให้เกิดการแก่งแย่งและความจราจล แม้ว่าวัตถุประสงค์ในการสร้าง AI เพื่อใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์ แต่ใช่ว่าผลที่ออกมาจะดีเสมอไป โดยฮินตันได้ยกตัวอย่าง เช่น ด้านการส่งเสริมช่วยชีวิตมนุษย์ ขณะที่ AI ช่วยในด้านการพยาบาลรักษา แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็สามารถใช้โอกาสสร้างอาวุธสังหารอัตโนมัติได้เช่นกัน โดยเขาได้เล็งเห็นแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้ และสามารถเกิดขึ้นได้โดยทันทีทันใด และยิ่ง AI สามารถแทรกซึมได้ในทุกระบบที่เชื่อมโยงกับมนุษย์ ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่ระบบไซเบอร์เป็นภัยคุกคาม หรือหุ่นยนต์จะเข้ายึดครองโลก แม้ว่าอาจไม่ใช่ในตอนนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น

หลังจากที่ OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-4 เทคโนโลยีเวอร์ชันล่าสุด ซึ่งขับเคลื่อน ChatGPT ได้มีการสาธิตและทดสอบเบื้องต้น GP-4 ในการร่างคดีความผ่านการสอบมาตรฐาน และสร้างเว็บไซต์ซึ่งใช้งานได้จากภาพร่างที่วาดด้วยมือ ทำให้บุคคลสำคัญด้านเทคโนโลยีบางคนได้มีการร่วมกันลงนามจดหมายเรียกร้องให้ห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์หยุดทำการฝึกอบรมและพัฒนาระบบ AI เป็นอย่างน้อยในระยะเวลา 6 เดือน อันเนื่องจากมีความเสี่ยงร้ายแรงต่อสังคมและมนุษยชาติ ซึ่งจดหมายดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่โดยองค์กรไม่แสวงหากำไร Future of Life Institute ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Elon Musk

ทำให้นึกถึงหนังเกี่ยวกับโรบอท เหล่าหนังหุ่นยนต์ทั้งหลายที่เคยได้ดู หรือมันจะไม่ใช่เป็นเพียงในหนังอีกต่อไป เมื่อมนุษย์เป็นผู้สร้างภัยขึ้นมาด้วยเอง เพราะชีวิตของคนในปัจจุบันมีระบบเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตแทบทุกอย่าง สังเกตได้จากอุปกรณ์ระบบอัตโนมัติรอบตัว ส่วนใหญ่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ในชีวิตแทบจะเกือบ 80% และเมื่อไรที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถพัฒนาได้นำหน้ากว่าเรา เมื่อนั้นมนุษย์จะกลายเป็นทาสอย่างเต็มตัว หรือ อาจถูกจำกัดสิทธิ์ตัวตนอย่างในหนังที่เราเคยดูก็เป็นได้