เมื่ออายุเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ หลายคนจะเจอปัญหาคล้ายๆ กันนั่นก็คือปัญหาลืมง่าย การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ เริ่มมีความช้าลง ไปจนถึงสมาธิในการจดจ่ออยู่กับสิ่งต่างๆ ก็น้อยลงไปด้วย หรือพูดง่ายก็คือสมาธิสั้นนั่นเอง จนเราเริ่มมองหาว่ามีวิธีการไหนมาช่วยให้ความจำดีขึ้นได้หรือไม่
วันนี้เราก็จะลองมาแนะนำวิธีช่วยให้ความจำดีขึ้นจากชาวญี่ปุ่น ที่ดูเหมือนจะเป็นความเชื่อ แต่จากผลการสำรวจเมื่อปี 2013 จาก Business Insider พบว่าญี่ปุ่นคือประเทศที่มีประชากรที่ฉลาดเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว ว่าแต่คนเหล่านี้เขากินอะไรกันนะ
ทริกจากญี่ปุ่น: อาหาร 5 อย่างที่ช่วยให้พัฒนาความจำ
ปลาสีน้ำเงิน
ปลาสีน้ำเงิน คือตระกูลปลาแมคเคอเรลต่างๆ เช่น ทูน่า ซันมะ ซาบะ ซาดีน ฯลฯ เพราะตระกูลนี้เป็นกลายที่มีกรดไขมันดีอย่าง DHA (Docosahexaenoic acid) และ EPA (Eicosapentaenoic acid) สูง โดยกรดไขมันดีเหล่านี้เป็นกรดไขมันที่ดีต่อสมอง อีกทั้งยังเป็นส่วนประกอบของสมองเลยด้วยซ้ำถึง 2 ใน 3
ซึ่งมีคนเคยทำการวิจัยไว้ด้วย โดยการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างหนูที่เลี้ยงด้วยสารอาหารที่มีกรดไขมันดีดังกล่าว และอีกกลุ่มที่เลี้ยงด้วยอาหารที่ไม่มีกรดไขมันดี พบว่าหนูที่ทำการเลี้ยงด้วย DHA และ EPA จะมีความสามารถในการเรียนรู้และความจำที่ดีกว่าหนูอีกกลุ่ม
หากใครไม่ชอบทานปลา หรือปลาตระกูลดังกล่าว สามารถหาไขมัน DHA และ EPA ได้ในน้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ หรือน้ำมันเมล็ดงาม้อน
ช็อคโกแลต
ถ้าเราดูหนังที่ดำเนินเรื่องโดยวัยรุ่นหรือแนวโรแมนติกของญี่ปุ่นหลายๆ เรื่อง เราจะเห็นว่าพวกเขามีวัฒนธรรมการให้ช็อกโกแลตที่จริงจังกันมาก ซึ่งเบื้องหลังการบริโภคช็อกโกแลตของคนญี่ปุ่นนอกจากจะเป็นเรื่องของความอร่อยแล้ว ยังมีเรื่องของการให้ความสำคัญกับสารอาหารในขนมหวานชนิดนี้ด้วย
โดยในปี 2018 มีการทำวิจัยร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย Aichi Gakuin กับบริษัทผลิตนมชื่อดังที่เรารู้จักกันดี นั่นก็คือ Meiji ในหัวข้อ “ผลกระทบจากการบริโภคดาร์คช็อกโกแลตกับการทำงานของร่างกาย ในกลุ่มตัวอย่างชาวญญี่ปุ่น” พบว่าการทานช็อคโกแลตเป็นประจำ โดยเฉพาะดาร์คช็อกโกแลตที่มีปริมาณคาเคา (cacao) สูงจะช่วยเพิ่ม BDNF (Brain-derived neurotrophic factor) ซึ่งมีผลโดยตรงกับระบบประสาท และหาก BDNF ลดลงจะส่งผลให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้
นอกจากนั้น ผลงานวิจัยยังค้นพบเพิ่มเติมว่า การรับประทานดาร์คช็อกโกแลตในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากจะช่วยเพิ่มความจำแล้ว ยังสามารถเพิ่มคลื่นแกมม่าในสมอง ทำให้เรามีสมาธิต่อสิ่งต่างๆ มากขึ้น รวมไปถึงยังสามารถช่วยลดความดันโลหิต ลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด และทำให้การทำงานของหัวใจดีขึ้นอีกด้วย
สาหร่ายทะเล
หากมองไปรอบๆ ในระดับนานาประเทศ ก็ยากที่จะเห็นได้ว่าจะมีประเทศไหนที่บริโภคสาหร่ายได้มากเท่าคนในญี่ปุ่นอีกแล้ว เพราะแต่เบื้องหลังของสาหร่ายนั้นนอกจากจะอร่อยแล้วยังประโยชน์มากกว่าที่คิด
สาหร่ายวากาเมะ โนริ และฮิจิกิ คือชนิดของสาหร่ายที่มีการบริโภคสูงที่สุดในบรรดาสาหร่ายของญี่ปุ่น อุดมไปด้วยเส้นใยที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อแบคทีเรียในลำไส้ เสริมสร้างให้ลำไส้มีสุขภาพที่ดี และสามารถดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ดีขึ้น โดยเฉพาะไขมันที่มีการดูดซึมยาก และส่วนมากมักไปกระจุกตัวในบริเวณเฉพาะของร่างกาย ซึ่งไขมันหลายตัวอย่าง DHA และ EPA นั้นอย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้าว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อสมองและความจำของเรา
นอกจากสาหร่ายแล้วผักประเภทราก (แครอท มันฝรั่ง มันชนิดต่างๆ ฯลฯ) กีวี่ อโวคาโด ข้าวบาร์เลย์ ลูกพรุน ก็อุดมไปด้วยเส้นใยคล้ายกับในสาหร่าย หากสาหร่ายหาทานยากหรือไม่เหมาะกับอาหารที่หลายๆ คนทานก็สามารถหาสิ่งเหล่านี้มาทดแทนกันได้เช่นกัน
กล้วย
กล้วย โดยเฉพาะในกล้วยหอมอุดมไปด้วยกลูโคส ที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานสำหรับสมอง ซึ่งเราจะพอเห็นได้ว่าหากเรารู้สึกเหนื่อยกับการอ่านหนังสือ เรามักอยากทานของหวาน เพราะเหตุนี้นี่เอง แต่การทานของหวานส่วนมากนั้นมักมีจำนวนน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลชนิดอื่นๆ ที่มากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไม่ทัน จนถูกย่อยไปเป็นไขมันต่อไป
โดยสมองของเรา ส่วนที่มีบทบาทในการจดจำก็คือส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งต้องการน้ำตาลกลูโคสราวๆ 130 กรัมต่อผู้ใหญ่หนึ่งคน และอีก 70 กรัมสำหรับร่างกายส่วนอื่นๆ จะเห็นได้ว่าสมองของเราต้องการน้ำตาลมากกว่าร่างกายของเราเสียอีก และหากเราทานน้ำตาลน้อยเกินไปก็จะทำให้สมองในส่วนนี้อ่อนแอลงและส่งผลต่อเรามากที่สุด
เหตุที่กล้วยถูกยกมาในข้อนี้ก็เพราะเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำแต่มีสารอาหารที่ดีต่อทั้งร่างกายและสมอง ทำให้เป็นผลที่เหมาะที่สุดในการทานเมื่อท้องว่างหรือลดน้ำหนัก
น้ำ
ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ 60-70 เปอร์เซ็นต์ จากงานวิจัยพบว่าหากร่างกายสูญเสียน้ำแค่เพียงน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวก็อาจทำให้ความสามารถในการจำและการเรียนรู้ลดลง เพราะน้ำจะช่วยให้เซลล์สมองแต่ละเซลล์ทำการสื่อสารระหว่างกันได้ดียิ่งขึ้น ขับพิษที่เป็นภัยต่อร่างกายและสมอง รวมไปถึงช่วยให้การซ่อมแซมเซลล์สมองได้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้นหากรู้สึกว่าสมองเหนื่อยล้าก็ควรสร้างความสดชื่นโดยการดื่มน้ำ 1-2 แก้ว นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการดื่มน้ำในระหว่างการเรียนหรืออ่านหนังสือนอกจากจะช่วยให้ความจำดีขึ้นยังช่วยลดความเครียดในร่างกายได้อีกด้วย
การทานอาหารที่มีประโยชน์ควรทำไปควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตโดยรวม หากเราบริโภคทุกอย่างในลิสต์นี้ทุกวันเป็นประจำ แต่ก็ออกไปเมาหัวตกทุกคืนก็คงช่วยได้ไม่เท่าไหร่นัก และที่สำคัญก็คือการพักผ่อนอย่างพอเพียง ในช่วงวัยรุ่นเราคงไม่อยากนอนเพราะอยากแก้แค้นเวลาที่เสียไปในตอนกลางวัน แต่นั่นคือพฤติกรรมอันตรายที่จะส่งผลกับความจำของเราโดยตรงเลยนะ