12 สิงหาคมกำลังจะเวียนมาถึง ซึ่งเป็นที่ทร่าบกันดีสำหรับเราชาวไทยว่าในวันนี้ถูกกำหนดให้เป็นวันที่ไว้รำลึกบุญคุณคุณแม่ ซึ่งเหล่าคุณลูกๆ อย่างเราๆ ก็คงจะวางแผนอะไรซักอย่างสำหรับวันพิเศษเช่นนี้ หลายคนก็คงกำลังมองหาของขวัญที่เหมาะสมกับคุณแม่ของตัวเองอยู่ ซึ่งต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะไม่ใช่ว่าเราจะซื้ออะไรก็ได้ แต่ต้องมาจากความรู้สึกของเราจริงๆ และเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่ด้วย
“พระคุณแม่ยิ่งใหญ่เกินใดเปรียบ จะหาใครมาเทียบยากจักหา ประพฤติดีด้วยใจกายวาจาประกาศคุณมารดาต่อแผ่นดิน”
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน คำขวัญวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2565
ส่วนอีกหลายๆ คนก็คงกำลังคิดว่า เราให้ของขวัญแม่ทุกปีแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดกลับยังไม่ได้ทำซักที สิ่งที่ว่าก็คือการได้ใช้เวลาร่วมกับคุณแม่ ร่วมกับครอบครัว เพราะงานที่ยุ่งบ้าง เวลาว่างไม่ตรงกันบ้าง และปีนี้ (2565/2022) ก็คือว่าเป็นโอกาสดี เพราะวันแม่ได้หยุดตรงกับวันศุกร์พอดี และเมื่อได้หยุดยาวทั้งที ก็ใช้โอกาสนี้แหละในการพาคุณแม่และครอบครัวออกไปเที่ยวกัน และถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ลองพิจารณาบทความนี้ดูกับ 8 สถานที่เที่ยวในเชียงใหม่ที่เหมาะกับในวันแม่นี้
8สถานที่เชียงใหม่สำหรับครอบครัว ต้อนรับวันแม่ 2565/2022
NARIT (National Astronomical Research Institute of Thailand – สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ)
ต้องบอกเลยว่าสำหรับเชียงใหม่แล้ว หอดูดาวถือเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับครอบครัวมากๆ เพราะเดินทางง่าย รถไม่ติด สถานที่ติดกับภูเขา ซึ่งได้บรรยากาศเต็มตา สูดอากาศธรรมชาติเต็มปอด เหมาะมากสำหรับคนกรุงที่เผชิญกับรถติดและฝุ่นควันมาแล้วทั้งปี
โดยตัวสถาบันตั้งอยู่ที่ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เปิดให้บริการตลอดปีไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ปกติแล้วจะหยุดทุกๆ วันจันทร์ ใสถาบันจะมีการจัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับทางดาราศาสตร์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ในวันปกติและ 10.00-17.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์
ในส่วนของท้องฟ้าจำลองจะมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 50 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 30 บาทสำหรับนักเรียน นักศึกษา เพียงแค่แสดงบัตรเท่านั้น โดยท้องฟ้าจำลองจะเปิดให้บริการเพียง 2 รอบต่อวัน (3 สำหรับวันเสาร์) คือ 11.00 – 12.00 น. และ 14.00-15.00 น. (17.00-18.00 น. รอบเพิ่มเติมสำหรับวันเสาร์) พร้อมทั้งมีรอบการบรรยายภาษาอังกฤษในวันศุกร์รอบ 11 โมงอีกด้วย ไม่ต้องห่วงว่าคนในครอบครัวจะไม่สะดวกภาษาไทย และสำหรับใครที่ต้องการจองก่อน ก็มีบริการเช่นกัน โดยต้องสำรองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน และสูงสุด 2 สัปดาห์
สวนสัตว์เชียงใหม่
แต่ไหนแต่ไร สวนสัตว์ก็มักจะเป็น 1 ในสถานที่ที่ครอบครัวเลือกจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ในประเทศไทย ก็มีสวนสัตว์เป็น 10 แห่ง อะไรที่ทำให้หากคุณมาเที่ยวเชียงใหม่ คุณต้องแวะสวนสัตว์ให้ได้?
อย่างแรกเลยก็คือ “แพนด้า” สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นที่เดียวที่จะมีแพนด้าให้คุณได้ชมตัวเป็นๆ (แม้บางทีเข้าไปจะไปเห็นแค่น้องๆ นอนหลับเท่านั้นก็เถอะ)
ต่อมาก็คืออควาเรียม ในสวนสัตว์เชียงใหม่มีสถานที่แสดงสัตว์น้ำภายในสวนสัตว์ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการไปที่เดียวแต่ได้เห็นครบครันทั้งสัตว์บก ครึ่งบกครึ่งน้ำ เพนกวิน และสัตว์น้ำในที่เดียวกัน อีกทั้งที่นี่ยังมีอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชีย เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์น้ำทั้งไทยและต่างประเทศ ทำให้คุณได้สัมผัสชีวิตใต้ท้องทะเลได้อย่างใกล้ชิดและสวยงามอีกด้วย
จริงๆ หากคุณต้องการจะไปหาเหล่าน้องๆ อยู๋แแล้ว การได้เห็นส่วนอื่นๆ เพิ่มก็คือเป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดใช่ไหมล่ะ? สวนสัตว์เชียงใหม่จะตั้งอยู่ที่ ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งอยู่เลยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00-18.00 น.
ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.chiangmai.zoothailand.org
วัดพระธาตุดอยสุเทพฯ
เดินทางตามถนนห้วยแก้ว ผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ไปตามทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ระหว่างทางจะมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่อยู่เบื้องล่าง ระยะทางจากเชิงดอยถึงวัดประมาณ 11 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง วัดพระธาตุดอยสุเทพนี้เป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่นับตั้งแต่โบราณกาล นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาที่จังหวัดนี้หากไม่ได้ขึ้นไปนมัสการแล้ว ถือว่ายังมาไม่ถึงเชียงใหม่
หากไปถึงแล้วและขึ้นบันไดนาคความยาว 306 ขั้นไปถึงพระธาตุแล้ว นอกจากจะได้พบกับเจดีย์สีทองอร่ามแล้ว ยังได้เห็นวิวเมืองเชียงใหม่ทั้งเมืองจากความสูงระดับ 689 เมตรจากพื้นที่ราบเฉลี่ยเมืองเชียงใหม่ หรือราวๆ 1 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล
แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่สู้จริงๆ ก็มีรถรางไฟฟ้า (กระเช้า) ไว้ให้บริการจนถึงตัวพระธาตุเลย โดยจะมีค่าบริการคนละ 20 บาทเท่านั้น (สำหรับชาวต่างชาติจะอยู่ที่ 50 บาท) เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. กันเลย
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ถึงแม้จะไม่ใช่น่าหนาวซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวดอยอินทนนท์ แต่ด้วยความเป็นที่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย จากระดับน้ำทะเล 2,500 เมตร ทำให้ที่นี่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี สภาพภูมิประเทศทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน แต่ก็มีสถานที่ในอุทยานที่คุณไม่ควรพลาดเช่นกัน
- น้ำตกแม่ยะ – น้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดของอุทยาน (หลายท่านยกให้เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศเลยด้วย) เราสามารถกางเต็นท์ที่นี่ได้ด้วย แต่ต้องขออนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่ก่อน
- ถ้ำบริจินดา – ถ้ำขนาดใหญ่ใกล้น้ำตกแม่กลาง ภายในมีหินงอกหินย้อยให้ได้ชม พร้อมกับมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายในให้ได้นมัสการกันด้วย นอกจากนั้นยังมีธารหินอยู่ไม่ไกลจากปากถ้ำที่เมื่อมีแสงกระทบจะได้เห็นประกายระยิบระยับซึ่งสวยงามเหมือนกากเพชรเลยทีเดียว
- พระธาตุนภเมทนีดลและพระธาตุนภพลภูมิสิริ – เป็นเหมือนแลนด์มาร์กสำหรับที่นี่ เพราะเหมือนจุดตั้งต้นที่ทุกคนจะมาก่อนที่จะแยกไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่ได้วางแผนกันมา สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้แบบ 360 องศา แค่นี้ก็ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมแล้วล่ะ
- เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน – เป็นเส้นทางยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ผ่านป่าดงดิบริมธาร ป่ามอส ฝอยลม ซึ่งในหน้าหนาวจะได้เห็นทั้งเส้นทางปกคลุมด้วยหมอกขาว มองเห็นทะเลหมอกระหว่างทางและอากาศที่หนาวเย็น เหมาะสำหรับครอบครัวและคุณแม่สายผจญภัยจริงๆ
อุทยานหลวงราชพฤกษ์
อุทยานหลวงราชพฤกษ์กินพื้นที่กว้างขวางกว่า 500 ไร่ เป็นที่รวบรวมพรรณไม้นานาชนิดทั่วมุมโลก ทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์ไม้หายาก พร้อมทั้งมีการจัดแสดงเป็นสวนแยกตามพื้นที่ซึ่งมีทั้งสวนไทย และสวนนานาชาติที่สามารถพบพรรณไม้นั้นๆ
อุทยานเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. และมีค่าเข้าชมอยู่ที่ 100 บาทสำหรับคนไทย (70 บาทสำหรับเด็กที่สูงไม่เกิน 140 ซม. และฟรีสำหรับเด็กที่สูงไม่ถึง 100 ซม.) 200 บาทสำหรับชาวต่างชาติ เหมาะมากสำหรับคุณแม่ที่ชื่นชอบดอกไม้เป็นพิเศษ (ถ่ายรูปเก็บไว้ส่งทุกวันไม่ซ้ำกันได้ทั้งปีเลยนะ)
ม่อนแจ่ม
สำหรับคุณแม่ที่ไม่สะดวกผจญภัยหรือต้องเดินเยอะๆ แต่ยังต้องการสัมผัสประสบการณ์ทางธรรมชาติอย่างเต็มอิ่มก็ต้องไม่พลาดม่อนแจ่ม ที่ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อ. แม่ริม ใช้เวลาเดินทางราวๆ 40 นาทีจากตัวเมือง มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจนด้วยระดับความสูง 1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ซึ่งถึงแม้ว่าเหล่าหนุ่มๆ สาวๆ จะชอบไปกางเต็นต์กัน แต่ทางสถานที่ก็มีรีสอร์ทหรือที่พักไว้ให้บริการด้วยนะ ไม่ต้องห่วงเลยว่าเราจะพาคุณแม่ไปลำบาก (ฮา)
มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อมและอาณาจักรแมว
ทางตอนเหนือราวๆ 2 ชั่วโมงจากอำเภอเมือง ที่อำเภอแม่แตงมีสถานที่สำหรับเหล่าครอบครัวทาสแมวโดยเฉพาะ เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของมูลนิธิอนุรักษ์ช้าง (Elephant Nature Park) ที่จากเดิมดูและเพียงแค่ช้างอย่างเดียว แต่เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา คุณแสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของศูนย์บริบาลช้าง และผู้ก่อตั้งมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม เริ่มมีการช่วยเหลือเหล่าแมวที่ถูกทอดทิ้งทั่วประเทศกว่า 800 ตัวเข้ามาดูแลและก่อตั้งอาณาจักรแมวขึ้นมา ปัจจุบันจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีแมวถูกทิ้งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
แม้จะมีมากถึง 1,600 ตัว แต่แมวทุกตัวก็ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง พร้อมมีสัตวแพทย์คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากคุณต้องการจะมาเยี่ยมชมน้องๆ ก็สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยต้องจองล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้นอย่างน้อย 1 วัน ที่เพจ Save Elephant Foundation – มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และหมายเลขโทรศัพท์ 053-272-855 การเข้าชมจะไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แต่ถ้าหากใครสนใจก็สามารถนำสิ่งของหรืออาหารมาบริจาคได้เช่นกัน
นอกจากแมวและตัวละครหลักของสถานที่อย่างช้างแล้ว ในมูลนิธิยังมีเหล่าน้องๆ ต่างสายพันธุ์อีกจำนวนมาก ทั้งควาย วัว หมา กระต่าย ฯลฯ รวมกันกว่า 600 ตัว ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี แต่ถ้าหากใครสนใจ สามารถร่วมบริจาคได้โดยตรงหรือสนับสนุนสินค้าจากทางมูลนิธิได้ที่เว็บไซต์ saveelephant.org แล้วความช่วยเหลือของคุณจะไปสู่เหล่าน้องๆ อย่างแน่นอน
ห้วยตึงเฒ่า
หลังจากเที่ยวกันอย่างเต็มอิ่มกับสถานที่ข้างบนกันแล้ว เราก็มาอะไรใกล้ๆ สบายๆ ดีกว่า เหมาะสำหรับครอบครัวที่เที่ยวกันอย่างหนำใจแล้ว และต้องการที่พักผ่อนทานอาหารก่อนเดินทางกลับ ห้วยตึงเฒ่าถือเป็นที่ที่เหมาะกับเงื่อนไขนี้สุดๆ
ข้าวเหนียว ไก่ย่างร้อนๆ ส้มตำแซ่บๆ พร้อมเท้าจุ่มน้ำเย็นๆ ถือว่าเป็นการปิดวันหยุดยาวได้เป็นอย่างดีเลย เพราะที่ห้วยตึงเฒ่า เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของที่นี่จะเป็นกระท่อมริมน้ำเรียงกันยาวไปตามของ ‘ห้วย’ ตึงเฒ่ามากกว่า 50 กระท่อม ที่นอกจากคุณแม่จะได้พักผ่อน ทางหห้วยฯ ยังอนุญาตให้ลงเล่นน้ำได้อีกด้วย เหมาะสำหรับเหล่าเด็กๆ เลยทีเดียว
ห้วยตึงเฒ่าอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 14 กิโลเมตร (เลยอุทยานดาราศาสตร์ฯ ไป 1 ไฟแดง) เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 06.00-18.00 น. สงวนค่าเข้าเพียงคนละ 20 บาทเท่านั้น และถ้าหากยังไม่หนำ ก็สามารถเดินทางลึกเข้าไปอีกนิดก็จะได้พบกับคิงคองพ่อแม่ลูกยักษ์ที่ทำจากฟาง และเลยไปอีกหน่อยก็จะสามารถไปให้อาหารในทุ่งแกะก็ได้เช่นกัน
หวังว่าทุกคนจะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกับคุณแม่และครอบครัวในวันหยุดยาววันแม่นี้กันนะ