คุณเคยหลงลืมชั่วขณะบ้างไหม? พอจะจ่ายเงิน กลับลืมกระเป๋าตังค์ หรือจะพูดอะไร … ก็นึกอยู่นานสองนาน แต่กระนั้นก็อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปว่าคุณกำลังแก่ หรือเป็นโรคสมองเสื่อม แต่อาจเป็นไปได้ว่า การทำงานของสมองเริ่มถดถอย ด้วยไม่ค่อยได้ออกกำลัง เพราะพฤติกรรมซ้ำๆเดิมๆ ทำให้ส่วนใหญ่เราคาดเดาในกิจวัตรในแต่ละวันจากจิตใต้สำนึก อย่างการขับรถไปในเส้นทางเดิมทุกวัน การทำงานในรูปแบบเดิมทุกวัน ฯลฯ ทำให้สมองส่วนอื่นๆไม่ได้ถูกใช้งาน ดังนั้นการฝึกสมอง หรือเพิ่มทักษะทางสังคม (Soft Skill) ตลอดถึงการอัพเดทให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตื่นตัวอยู่เสมอ ด้วยการรับสิ่งใหม่ๆ มีการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทสมองส่วนต่างๆ ทำให้สมองมีการหลั่งสาร นิวโรโทรฟินส์ หรืออาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองก็จะแข็งแรงขึ้น ซึ่งการฝึกสมอง เพื่อให้มีความฟิต ห่างไกลจากสมองฝ่อ สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.หันหน้าเข้าหาแสงสว่างในตอนเช้า
แสงอาทิตย์ในยามเช้า ( 07.00-10.00 น.) มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองโดยตรง ช่วยกระตุ้นให้สมองมีการหลั่งสารโดปามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารความสุข ทำให้สมองรู้สึกสดชื่น และร่างกายก็พลอยปลอดโปร่ง มีความสุข และพร้อมที่จะเริ่มกิจกรรมของวันได้อย่างเต็มที่
2.ฝึกพัฒนาสมอง ด้วยการสลับมือใช้งาน
ลองเปลี่ยนมือข้างที่คุณไม่ถนัดในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การเปิดฝากระบอกน้ำ การแปรงฟัน การเขียนหนังสือ ฯลฯ จะเป็นการกระตุ้นสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เป็นวิธีฝึกสมองซีกซ้าย และวิธีการฝึกสมองซีกขวา
3.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย โดยเฉพาะตอนเช้า นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างแข็งแรง และมีรูปร่างที่กระชับสัดส่วน เพิ่มความตื่นตัว กระตุ้นการทำงานของหัวใจให้สูบฉีดเลือดได้ได้มากและรวดเร็ว ช่วยให้เลือดในสมองไหลเวียนได้ดี ทำให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ช่วยเพิ่มเซลล์เส้นประสาทและโปรตีนในสมอง ส่งผลให้ระบบการทำงานของสมองมีประสิทธิภาพ พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ได้ และสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว
4.อาบน้ำเย็น
ความเย็นของน้ำ เมื่อกระทบกับผิว จะส่งแรงกระตุ้นจากปลายประสาทไปยังสมอง ช่วยปลุกสมองให้ตื่นตัว หลั่งสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) เป็นการปลุกพลังให้สมอง ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า คลายจากความเหนื่อยล้า และรู้สึกสดชื่น และสบายตัวขึ้น ให้ผลใกล้เคียงกับยารักษาโรคซึมเศร้า ทำให้จิตใจสงบลง และลดอาการซึมเศร้าได้ เหล่าจีเนียสหรือนักคิดหลายคนเลยทีเดียว ที่มักจะใช้ช่วงเวลาอาบน้ำ โดยการอาบน้ำเย็น เพื่อเป็นวิธีฝึกสมองซีกขวา ที่มีหน้าที่เกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มักเกิดไอเดียใหม่ๆไปใช้ในการทำงาน หรือการหลับตาเปิดก๊อกน้ำ ใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ ซึ่งการหลับตาเพื่อใช้การสัมผัสใช้อุปกรณ์ ก็เป็นอีกการฝึกสมองอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
5.การฝึกสมองด้วยการเล่นเกม
เล่นเกมที่ต้องใช้ความคิด มีการวางแผน เช่น หมากรุก สแคร็บเบิล ซูโดกุ ตัวต่อ เกมส์ทายปัญหา ฯลฯ บ้าง เป็นวิธีฝึกสมองให้ความจําดี ช่วยให้สมองมีการเริ่มต้นเรียนรู้ จดจำ จัดระบบ ระเบียบต่างๆ ได้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น
6.เข้าเรียนคอร์สสอนกิจกรรมอดิเรก
การเข้าคลาสเรียนกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเสริมความรู้ที่ไม่เคยทำมาก่อน การเข้าคลาสเพื่ออัพสกิลความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อเป็นงานอดิเรก และอาจเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้มากกว่าที่คิด หรือแม้แต่การเข้าเรียนออนไลน์ การฟังบรรยาย จะช่วยฝึกสมองให้ฉลาด ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ หรือแม้แต่กิจกรรมที่หลายๆคนอาจคิดไม่ถึง เช่น การถักนิตติ้ง เป็นวิธีฝึกสมองป้องกันอัลไซเมอร์ที่ได้ผลดีทั้งหญิงและชาย เพราะเป็นกิจกรรมที่ฝึกปลายประสาทสัมผัส ฝึกสมาธิ เนื่องจากต้องจดจ่ออยู่กับการนับห่วง และจดจ้องกับการทำลวยลาย หากต้องการให้ผู้สูงอายุที่บ้านห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ ก็ลองหานิตติ้งให้พวกเขาลองทำดู นอกจากจะช่วยให้ห่างไกลจากสมองฝ่อแล้ว ยังจะได้ผลงานไว้ใช้เป็นที่น่าภูมิใจอีกด้วย
7.แลกเปลี่ยนความรู้ แชร์ข่าวสาร และหาเพื่อนระบายเพื่อปลดปล่อยความเครียด
การได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น หรือแชร์สิ่งที่เรียนรู้ ข่าวสารรอบโลกที่มีสารประโยชน์กับคนอื่น หรือแม้แต่การพูดคุยกับคนแปลกหน้าบ้าง ก็เป็นการเชื่อมโยงความคิดเห็น ทำให้เราได้มีมุมมองใหม่ๆ และอาจได้แนวคิดที่หลากหลายเพิ่มขึ้น อาจเริ่มต้นด้วยการเขียนบล็อกตามแพลตฟอร์ม หรือการเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม นอกจากนี้การหาเพื่อนระบาย เพื่อเป็นการปลดปล่อยความเครียด จะช่วยให้ปัญหาหรือเรื่องที่รบกวนจิตใจ หดหู่ จนทำให้สมองถูกบีบกดดัน สมองไม่ตื่นตัว ได้ลดลงเมื่อได้ระบายออกไป รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ใจเบา เมื่อได้พูดได้คุย ระบายสิ่งต่างๆออกไป จึงเป็นการช่วยให้สมองโล่งขึ้น และสามารถกลับมาตื่นตัว ทำงานตามกลไกของธรรมชาติ
7 วิธีฝึกสมองที่นำมาฝากในบทความนี้ เป็นวิธีง่ายๆที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้ไม่ยาก และยังมีอีกหลายวิธี ที่จะช่วยให้สมองคุณฟิต เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้งาน ในกิจวัตรประจำวันของแต่ละวัน และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ หรือความจำเสื่อมก่อนวัยอันควร แต่ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ เป็นอีกส่วนหนึ่งในหลายๆวิธี ในการช่วยฝึกสมอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการรับประทาน ที่จะช่วยเสริมสร้างและบำรุงสมอง รวมไปถึงระบบประสาทที่ทำงานเกี่ยวโยง เชื่อมต่อกับระบบสมอง อย่างการรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี1 วิตามินบี 6 วิตามินบี12 และอาหารเสริมชนิดอื่นๆ และการพักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงห่างไกลจากความเครียด ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง อารมณ์ดีอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ สมองคุณก็ฟิต คิดงานไหลลื่น และความจำดีกว่าที่เคย